วิธีการเพาะและปลูกเมล็ดพันธุ์บลูเบอร์รี่

บลูเบอร์รี่
“บลูเบอร์รี่” จัดว่าเป็นผลไม้ตระกลูเบอร์รี่ที่โดดเด่นด้วยสีน้ำเงินอมม่วงสวยสดใส เป็นผลไม้เมืองหนาวที่ปัจจุบันสามารถปลูกในไทยได้บางพื้นที่ เป็นผลไม้ที่ให้การบำรุงแก่ร่างกายได้หลายส่วน ทั้งบำรุงดวงตา รักษาผิวพรรณ และยังจัดว่าเป็นผลไม้ที่ช่วยชะลอวัย
วิธีเพาะเมล็ดพันธุ์บลูเบอร์รี่ (หลักการเบื้องต้นจะมีลักษณะคล้ายๆกันของบลูเบอร์รี่พันธุ์ต่างๆใช้แบบเดียวกันค่ะ ซึ่งทาง Thailandseedshop.com ได้เสนอแนวทางการเพาะดังต่อไปนี้)
1.) นำเมล็ดบลูเบอร์รี่แช่น้ำอุ่น (น้ำอุ่น คือน้ำเดือด 100 องศา 1 ส่วนผสมกับน้ำเย็น 1 ส่วน) นำเมล็ดไปแช่น้ำอุ่น 2 ชั่วโมง น้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นการงอกของเมล็ด
2.) หาภาชนะที่ปิดด้วยฝาได้สนิทสำหรับแช่ในตู้เย็น

ภาชนะเพาะบลูเบอร์รี่

3.)นำเมล็ดมาโรยบนทิชชู่ ใช้ทิชชู่ม้วนยาว ฉีก 2 แผ่น ซ้อนกันแล้วโรยเมล็ด บนทิชชู่ อย่าโรยเมล็ดแน่นจนเกินไปนะค่ะ

ภาชนะเพาะเมล็ดบลูเบอร์รี่

4.) พรมน้ำให้ทั่วกระดาษทิชชู่แล้ว แล้วประกอบเมล็ดอีก 1 ชั้นด้วยกระดาษทิชชู่แล้วพรมน้ำอีกที
5.) แช่ตู้เย็น อุณหภูมิประมาณ 1-5 องศาเซลเซียส ในตู้เย็นก่อน เป็นเวลา 10-12สัปดาห์ (ไม่ควรแช่ในช่องแช่แข็ง)

ภาชนะเพาะเมล็ดบลูเบอร์รี่

6.) เมล็ดบลูเบอร์รี่ต้องการแสงในการงอกด้วย เมื่อเราเอาเมล็ดบลูเบอร์รี่ ออกจากตู้เย็นแล้ว เราก็เอามาเพาะแล้ววางไว้ที่อุณหภูมิห้องให้เมล็ดคลายความเย็นสักครู่ แล้วเตรียมดินปลูกโดยเอาดินที่ร่อนละเอียด หรือวัสดุอย่างอื่น เช่น พีทมอส ตามความสะดวกครับ เกลี่ยเมล็ดลงไป ไม่ต้องกลบเมล็ด สเปรย์น้ำด้วย ฟ็อกกี้ คลุมด้วยพลาสติกใส เปิดปลายด้านหนึ่งพอให้ระบายอากาศได้ วางไว้ในที่ไม่โดนแสงแดดโดยตรง คอยตรวจดูความชื้นอยู่เสมอ

ภาชนะเพาะเมล็ดบลูเบอร์รี่

วิธีเพาะกับถาดเพาะและปลูกเมล็ดพันธุ์บลูเบอร์รี่
1).ดินสวนผสมของดินดังต่อไปนี้
1.1)ดินร่วน 3 ส่วน
1.2) พีทมอส หรือ ขุยมะพร้าว (ขุยมะพร้าวต้องแช่น้ำ 2 คืนแล้วบีบน้ำออกก่อน) 2 ส่วน
1.3) ทรายหยาบ 1 ส่วน
2.) นำส่วนผสมทั้ง 3 ส่วนคลุกเคล้ากัน จนเป็นเนื้อเดียวกัน
3.) จากนั้นนำเมล็ดที่งอกรากแล้วมา ฝังเมล็ดลึกประมาณ 1/2 นิ้ว ลงในกระบะเพาะหรือกระถางขนาดเล็ก(กระถาง 2 นิ้ว) นำไปตั้งไว้ในร่มแสงแดดส่องถึง คอยดูแลให้มีความชื้นอยู่ตลอดอย่าปล่อยให้แห้งหรือแฉะ ประมาณ 5วันจะเริ่มเห็นผลงาน